Site Overlay

..กลื..

สวัสดีครับเพื่อนๆ \(^0^)/

วันนี้แอดมาพร้อมฝนตกพรำๆ อากาศชื้นนิดๆ มีกลิ่นดินโชยมาหน่อยๆ (แอดชอบมากกกก) นั่งชิลๆ จิบกาแฟร้อนๆ แหมมมม… มีความ…..แอ๊ว! …แอ๊ว! แอ๊ววๆๆ… (0o0) เอ๊ะ โวยวายร้องทำไม (นุ้งแมวแอ๊ดร้องทำไม..พิมพ์ไม่ผิดครับ น้อนร้องเสียง อ.อ่างครับ แอ๊ววว.. อ่อ แมวแอดชื่อ โวยวายครับ) ขัดบรรยากาศอ่ะ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า พาเข้าบ้านแล้วต้องบอกน้องด้วยว่า จะเล่นด้วยอีกทีกี่โมง แอดลืมบอกเวลาน้องไปครับบางทีก็แอบสงสัยว่าแมวนี่รู้เวลาเหรอ เคยลองหลายทีแล้ว พอถึงเวลาที่บอกน้องไว้แต่ลืม หริอเลทไป ไม่เกิน 5 นาที เสียงลอยมาเลยครับแอ๊วววววว แอ๊ววววววว   ทำได้แค่ เหลือกตามองบน..กินนากาปลุกเป็นอาหารไง? แถมมีงอนให้ต้องมาง้ออี๊กกกก

อ่ะ.. กลับมาชื่นชมบรรยากาศกันต่อ.. บทความที่แล้ว แอดติดสูตร mix น้ำบ๊วย เพื่อนๆเอาไว้ หลังจากที่ลองไปหลายแก้ว ก็ได้มา 2สูตร ประมาณนี้ครับ ในสูตรแอดใช้ช้อนสั้นตวงนะครับ (ช้อนทานข้าวอ่ะครับ) เพราะด้วยความที่ใกล้มือ มีไรก็หยิบๆตวงๆไป 

ส่วนผสม แก้วที่1

น้ำบ๊วย 1/5 ของแก้ว

น้ำมะนาว 1/2 ช้อน

เกลือ 1หยิบ (หยิบแค่พอติดนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ตัดเปรี้ยวช่วยดุงความหวาน)

น้ำแข็งละเอียด ใส่เต็มแก้ว

โซดา  (ปริมาณเทให้ได้เกือบเต็มแก้ว..เว้นที่ให้คนแล้วไม่หกครับ)

วิธีทำ 

เททั้งหมดลงแก้ว แล้ว คนๆๆๆๆๆๆๆ ครับ

ส่วนผสม แก้วที่2 

น้ำบ๊วย 1/5 ของแก้ว

โซจู แช่เย็นจัดๆๆๆ 1 ขวด 

มะนาวฝาน 1 ซีก เล็กๆ

เกลือผสม พริกป่น 

วิธีทำ

ทาน้ำมะนาวรอบปากแก้ว แล้วน้ำคว่ำบนพริกเลือที่ผสมแล้ว บางๆ 

ใส่ของเหลวทั้งหมดลงแก้ว

คนๆๆๆๆๆๆ

(สูตรนี้ ใครอยากได้ความซ่าเพิ่มอีก on top ด้วยโซดาได้ครับ) 

มาเข้าเรื่องที่แอดจะจิ้มให้อ่านวันนี้กันดีกว่าครับ

 

ทาดาาาาา… เห็นรูปแล้ว รู้จักหรือพอคุ้นๆกันบ้างไหมครับ Louis XVI de France (พระเจ้าหลุยส์ที่16) และ Marie Antoinette (พระนาง มารี อ็องตังเน็ต) ครับ

ทั้ง2 พระองค์ สิ้นพระชนม์ เพราะเกลือ! ห้ะ! เกลือ ? เนี่ยนะ?

ตอนเด็กๆจำได้คร่าวๆว่าทั้ง 2 พระองค์โดนประหารด้วย จากการปฏิวัติ ในฝรั่งเศส รับรู้มาแค่นี้เท่านั้น จริงๆอาจารย์คงสอนเยอะกว่านี้ แต่แอดไม่ชอบประวัติศาสตร์เลยเพราะมันน่าเบื่อ แล้ววันดีคืนดีก็ได้เจอสาเหตุต้นตอ อีกอย่างที่ทำให้โดนประหาร ว่า คือ เกลือ ครับ (0o0)! 

Gabelle (กาแบลล์) ภาษีความเค็มที่กลายเป็น ภาษีแห่งความอัดอั้นขุ่นแค้นของคนฝรั่งเศส

ในยุคนั้น ฝรั่งเศสยังมีการแบ่งชนชั้นกันอยู่ ซึ่งก็แน่นนอน ชนชั้นอภิสิทธิ์ ที่อยู่ใน2ชั้น บนซึ่งได้แก่ ชนชั้นที่1 ได้แก่ พระในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ชนชั้นที่2 คือ พวกขุนนางและชนชั้นสูง มีปริมาณ2-3% ของประชาการทั้งหมด และ ชนชั้นที่3 อ่ะ ไม่ต้องบอก ชาวบ้านตาดำๆฟ้าๆ ที่เหลือ 97% ซึ่งการเก็บภาษี ชนชั้นที่1และ2 จะโดนเรียกเก็บในปริมาณ 2% ในขณะที่ ประชาชนทั้วไปต้องเสียภาษีเข้าท้องพระคลัง ถึง 56% ของรายได้ (ที่เมื่อก่อนจ่ายเป็นผลผลิตทางการเกษตร ใครปลูกอะไรก็ต้องจ่ายอันนั้น ที่เหลือคือจะได้ไว้กินใลไว้ใช้ในครัวเรือน กับ เมล็ดพันธุ์ ที่ต้องนำไปปลูกต่อ แค่เล็กน้อย)

ยิ่งฝรั่งเศสต้องออกรบมาขึ้นเท่าไหร่ ประชาชนก็โดนรีดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และหนักขึ้น ภาษีเกลือ ปรับให้ เด็กที่อายุ 8 ปีขึ้นไปต้องซื้อ เกลือตามที่รัฐกำหนด (รัฐผูกขาดการผลิตเกลือแต่เพียงผู้เดียว) แถมยังต้องเสีภาษี อีก็ประมาณ 1.66% ของเกลือที่โดนให้บังคับซื้อ อะไรมันจะเอาเปรียบกันได้ทุกทางแบบนี้นะ ยังๆๆ ยังไม่พอ โอยยยย ทีนี้ทำยังไง เกลือเหลือบานตะไท กินไม่หมด ก็ต้องเอามาใช้แปรรูปอาหาร ทำของหมักดอง แต่แล้ว ของหมักดองก็เป็นสิ่งผิดกฏหมายอี๊กกกก คือไม่ว่าจะหันไปทางไหน ประชาชน ก็ไม่มีทางรอดได้เลย

ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับภายในพระราชวังที่จัดงานเลี้ยงหรูหรา อยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่า พระนาง มารี อ็องตัวเน็ต ทรงใช้เงินไปในการ ตัดเย็บเสื้อผ้าราคาแพง จัดงานเลี้ยงงานเต้นรำ การพนัน แทบทุกวัน 

ครั้งนึงที่พระนางเสด็จออกไปเห็นประชาชนมาชุมนุมที่หน้าประตูวัง แล้วมีประชาชนตะโกนมาว่า เราไม่มีขนมปังกินกันแล้ว  พระนางตรัสกลับไปว่า  ไม่มีขนมปัง  ก็กินเค้กสิ โหหหห…บางแหล่งข้อมูลเขียนถึงพระนางเอาไว้ว่าเป็นสตรีที่น่าสงสารมาก โดนต่อต้านจากคนในราชวงศ์ เพราะพระนางเป็นคน ออสเตรีย ซึ่งในตอนนั้น ฝรั่งเศสกับออสเตรียนี่ไม่ถูกกันอย่างแรง ถูกเรียกว่า ผู้หญิงออสเตรีย (แปลแล้วก็จะประมาณนี้ครับ) ซึ่งเป็นคำที่ใช้ดูถูกพระนางเป็นอย่างมาก (บางทีแอดก็ไม่เก็ตนะว่า แล้วมันยังไงนะ 55)  

การแต่งงานที่หวังว่าจะเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างฝรั่งเศสและออสเตรียให้ดีขึ้น ก็พังอย่างไม่เป็นท่า แถมตั้งแต่แต่งงานมา พระเจ้าหลุยส์ ก็ไม่ได้สนใจใยดีเลย หนีไปออกป่าล่าสัตว์ ประชุมขุนนางตลอดเวลา (ว่ากันว่ากว่าจะเข้าหอได้ผ่านไปแล้ว3ปี ..โอวววว) เลยทำให้ พระนางหาทางแก้เบื่อที่โดนทอดทิ้งด้วยการจัด พาาาาร์ตี้  ตลอดเวลา รวมไปถึงการพนันอีกต่างหาก และไม่เคยได้รับรู้ถึง สถานการณ์บ้างเมืองเลยว่าตอนนั้นมีประชาชนอดตายกันไปเท่าไหร่แล้ว

แม้กระทั่งได้ขึ้นเป็นราชินี ก็ยังคง จัด้านสังสรรค์รื่นเริงบันเทิงจุยและการพนันที่ละมากๆ อยู่ตล้อดดด ส่วนฝ่าย พระเจ้าหลุยส์ที่16 ก็เอาเงินในท้องพระคลังไปกับสงครามออกรบตลอดเหมือนกัน นี่ยังไม่รวมกับหนี้สินจากรุ่นก่อนๆที่สะสมกันมา เมื่อเงินไม่พอให้รบ ทำไง  ก็ขึ้นภาษี เอาเงินจากประชาชนอีก เป็นแบบนี้ซ้ำๆ จนเกิดการปฏิวัติขึ้น 2 พระองค์ถูกขับไล่ออกจากพระราชวัง และโดนประหารในที่สุด ว่ากันว่า มารี อ็องตัวเน็ตถูกประหารด้วยกิโยตินในท่าที่ถูกขึงไว้กัยแผ่นกระดาน โดยถูกจับให้อยู่ในท่านอนหงายขึ้น มองเห็นมีดกิโยตินหล่นลงมาตัดพระศอของตัวเอง…(ใครเป็นคนคิดเนี่ยยยยย ??!!?? โหดร้ายและทรมานม้ากกก) พอก่อนดีกว่า ยิ่งมายิ่งหดหู่ 

บทความนี้เป็นอีกบทความจากมุมมอง ของแอด  ในประวัติศาสตร์ ว่าด้วย เกลือครับ

เฮ้อ… สงครามที่เกิดจาก เกลือ ยังมีอีกเยอะ แอดฝากแปะไว้ก่อนนะ ขะนับ ขอติดไปบทความหน้า กาแฟหมดแก้วพอดี โวยวายน่าจะกินข้าวหมดแล้ว เข้าใจซึ้งเลยครับ คำว่า ทาสแมว แอดคงต้องไปล้างจานให้โวยวายก่อน เจอกันใหม่บทความหน้านะขะรับ 

ขอบคุณครับ

By N.K

อ้างอิง

universalis.fr

histories-de-la-douane.org

Ouest-France.fr

history.com